วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน

วิธีการดำเนินงาน

การจัดทำโครงงานถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะ เพื่อนำขยะหรือสิ่งที่เราไม่ใช่แล้วนำกลับมาประดิษฐ์สิ่งของแล้วนำมาประยุกต์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้เข้ากับโลกในปัจจุบัน ให้ทุกคนเห็นคุณค่าของที่เหลือใช้แล้วสามารถนำมาทำประโยชน์ได้อีก อีกอย่างยังช่วยลดการทำลายป่าไม้ ที่เป็นต้นเหตุให้โลกของเราร้อนขึ้นทุกวัน ซึ่งมีวิธีการดำเนินขึ้นตอนดังนี้
1.ศึกษาเอกสารและทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง
2.ศึกษาหลักการและแนวทางในการออกแบบ
3.ดำเนินการออกแบบตามแนวทางที่ดำเนินไว้
4.ปฏิบัติการสร้างโครงงานตามแผนที่วางไว้
5.ทดสอบและปรับปรุงโครงงานคือมีการทดสอบกี่ครั้งและมีวิธีการแก้ไข อย่างไรบ้าง
6.การประเมินโครงงาน เอาแบบประเมินโครงงานมาใส่
7.นำเสนอโครงงาน

1.ศึกษาเอกสารและทฤษฏีที่เกี่ยวข้อง
การรีไซเคิลทำให้โลกมีจำนวนขยะลดน้อยลงและช่วยลดปริมาณการนำทรัพยากรธรรมชาติ มาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรมให้น้อยลงลดการถลุงแร่บริสุทธิ์และลดปริมาณการโค่นทำลายป่าไม้ลงด้วยการหมุนเวียนนำมาผลิตใหม่ดังนั้นทางผู้จัดทำได้เล็งเห็นความสำคัญของการทิ้งขยะไม่ลงถังดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงได้ประดิษฐ์ถังขยะเซ็นเซอร์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้และเป็นอัตโนมัติขึ้น

2.ศึกษาหลักการและแนวทางในการออกแบบ
การจัดทำโครงงานถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะแบบอัตโนมัติผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาหลักการและแนวทางในการออกแบบ

ศึกษาหลักการ
การจัดทำโครงงานถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะแบบอัตโนมัติผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาหลักการจัดทำถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะแบบอัตโนมัติ ซึ่งมีหลักการทำงาน วัสดุอุปกรณ์ดังนี้
หลักการทำงานของถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะ
เมื่อนำถังขยะมาวางไว้ที่มุมได้มุมหนึ่งในห้องและมีคนเดินผ่านถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะก็จะทำการตรวจจับความร้อนของคนในรัศมี 15 เซนติเมตรถังขยะก็จะเปิดปิดอัตโนมัติ


วัสดุอุปกรณ์
1. ชุดวงจรเซนเซอร์ 2. หนังสือ
3. กาว 4. มอเตอร์
5. สายไฟ 6. ลวด
7. คีม 8. สีสเปรย์
9.หัวแล้ง 10. ถังน้ำ
13.ตะกั่ว 14. แผ่นภัพ
15.น๊อต 16.มือดึง
11.ก๋วยตาห่าง 12.ตอกสาน


วิธีทำ
1.เตรียมอุปกรณ์
2.นำหนังสือพิมพ์มาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
3.นำหนังสือพิมพ์ที่ตัดแล้วมาแช่น้ำที่เดรียมไว้
4.นำหนังสือพิมพ์กับกาวมาผสมกันให้เหนียว
5.จากนั้นนำหนังสือพิมพ์ที่ผสมกาวแล้วนำมาปั้นเป็นถังขยะ
6. ทำการปันฝาถังขยะ
7.นำถังขยะกับฝาถังขยะมาตากแดดทึ้งไวประมาณหนึ่งอาทิตย์
8.จากนั้นนำถังมาพ่นสีรองพื้น
9.นำสีมาพ่นฝาถัง
10.นำถังขยะและฝาถังไปตากแดดไว้1-2 ชม.
11.นำแผ่นภัพมาติดกับฝาถังขยะ
12.นำมือดึงมาติดกับฝาถังขยะ
13.นำชุดวงจรเซนเซอร์กับมอเตอร์มาติดกับถังที่เราปั้นไว้
14.ทำการทดลอง

ศึกษาแนวทาง
แนวทางในการออกแบบของถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะได้วางแนวทาง ดังนี้
1. ใช้ถังขยะที่ประดิษฐ์ขึ้นมา 1 ถัง
2. ใช้ตัวเซนเซอร์ความร้อน 1 ตัวเพื่อใช้จับความร้อน
3. ใช้มอเตอร์เพื่อควบคุมการทำงานของตัวเซนเซอร์
4. ใช้มอเตอร์เพื่อใช้ในการเปิดปิด






3.ดำเนินการออกแบบตามแนวที่ดำเนินไว้
ถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะได้ออกแบบตามแนวทางที่วางแผน ดังนี้


รูปที่ 3.1 ข้างซ้าย




รูปที่ 3.2 ด้านขวา


รูปที่ 3.3 ด้านหน้า





รูปที่ 3.5ด้านบน

รูปที่ 3.4 ด้านหลัง

4.ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
วิธีการดำเนินงาน

1.นำหนังสือพิมพ์มาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ

รูปที่ 3.5 การเตรียมอุปกรณ์



2.นำหนังสือพิมพ์ที่ตัดแล้วมาแช่น้ำที่เดรียมไว้


รูปที่ 3.6 การเตรียมอุปกรณ์



3.นำหนังสือพิมพ์กับกาวมาผสมกันให้เหนียว


รูปที่ 3.7 การเตรียมอุปกรณ์






4.จากนั้นนำหนังสือพิมพ์ที่ผสมกาวแล้วนำมาปั้นเป็นถังขยะ


รูปที่ 3.8 การเตรียมอุปกรณ์




5.ทำการปันฝาถังขยะ


รูปที่ 3.9 การเตรียมอุปกรณ์




6.นำถังขยะกับฝาถังขยะมาตากแดดทึ้งไวประมาณหนึ่งอาทิตย์


รูปที่ 3.10 การเตรียมอุปกรณ์


6.จากนั้นนำถังมาพ่นสีรองพื้น


รูปที่ 3.11 การเตรียมอุปกรณ์






7.นำสีมาพ่นฝาถัง


รูปที่ 3.12 การเตรียมอุปกรณ์


8.นำถังขยะและฝาถังไปตากแดดไว้1-2 ชม.


รูปที่ 3.13การเตรียมอุปกรณ์




9.นำแผ่นภัพมาติดกับฝาถังขยะ


รูปที่ 3.14 การเตรียมอุปกรณ์


10.นำมือดึงมาติดกับฝาถังขยะ


รูปที่ 3.15 การเตรียมอุปกรณ์



11.นำชุดวงจรเซนเซอร์กับมอเตอร์มาติดกับถังที่เราปั้นไว้
12..ทำการทดลอง

5.ทดสอบและปรับปรุง
ทดสอบ
1.ทดสอบระบบการทำงานเดิมของถังขยะเซนเซอร์
2.ทดสอบเซนเซอร์ความร้อน
3.ทดสอบการทำงานของมอเตอร์






ปรับปรุง
1.จากการทดสอบระบบการทำงานเติมของถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะทำให้ทราบว่า การทำงานของเซนเซอร์ไม่ได้ทำงานแบบอัตโนมัติ จึงต้องทำการปรับการทำงานของระบบของถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะให้เป็นอัตโนมัติ
2.จากการทดสอบเซนเซอร์ความร้อนทำให้ทราบว่า การทำงานของเซนเซอร์ความร้อนต้องมีระดับรัศมี 15เซนติเมตร จึงต้องทำการปรับการทำงานของเซนเซอร์ให้อยู่ในระดับ 15 เซนติเมตรให้เซนเซอร์ทำงานได้อย่างอัตโนมัติ
3.จากการทดสอบมอเตอร์ ทำให้ทราบว่า การทำงานไม่สมบูรณ์เนื่องจากมอเตอร์ ยังไม่มีการควบคุมการทำงาน จึงต้องปรับการทำงานโดยใช้วงจรเซนเซอร์มาช่วยในการทำงานด้วย

6.การประเมินโครงงาน

ในการทำโครงงานถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะได้ใช้แบบประเมินโครงการดังนี้
1.แบบประเมินขณะทำโครงการ
2.แบบประเมินนำเสนอผลงาน
3.แบบประเมินผลงานโดยรวม
4.แบบประเมินการเขียนและนำเสนอเค้าโครงโครงงาน
5.แบบประเมินรูปเล่มรายงาน
6.แบบประเมินการแก้ไขโครงงาน
7.แบบสรุปคะแนนรวม
8.แบบประเมินการจัดแสดงโครงงาน

7. นำเสนอโครงงาน
วันพฤหัสบดี ที่ 1 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2553
วันที่อังคาร ที่ 3 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2553

บทที่2 ความเป็นมาของสิ่งประดิษฐ์

ความเป็นมาของสิ่งประดิษฐ์
เราสามารถแบ่งการประดิษฐ์ออกเป็น 3 ช่วงตามเวลา และอุปกรณ์การประดิษฐ์
ยุคต้น (ก่อนคริสศักราชถึงต้นปี500) มนุษย์เรียนรู้การใช้ไฟและในการหลอมโลหะ ตีอุปกรณ์ ทำแก้ว ยุคนี้เป็นยุคเฟื่องฟูของศาสนาและการทำมาค้าขาย ในยุคที่มีการแบ่งชนชั้นมากเช่นนี้ ผู้คนจำเป็นต้องมี การนำของไปถวายหรือบูชา ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมทางศาสนาหรือว่าการบูชาทำนาย ทำให้มีการทำเหมืองแบบเก่าเป็นจำนวนมาก เพื่อขุดทอง เงินและทองแดง ในการทำเครื่องประดับต่างๆ นอกจากนี้เรื่องของเครื่องแต่งการยังเป็นยุคที่เฟื่องฟูอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้คนรู้จักการย้อมผ้าและ แล้วทักยอแบบหยาบๆ แล้ว โดยอาศัยตัวไหมและยางจากต้นไม้ ในทางเขตยุโรปผู้คนนิยมทำเครื่องเกราะ ดาบ เครื่องเงิน มงกุฎและอุตสาหกรรมต่อเรือยังเป็นอะไรที่เฟื่องฟูอีกด้วย ผู้คนนิยมเดินทาง โดยเฉพาะฝรั่งเศสและ อังกฤษที่ชอบล่าเมืองขึ้น และบ้านยังเป็นแบบไม้ชั้นเดียวที่ต้องแน่นหนา การประดิษฐ์เป็นแบบพื้นๆแล้วศิลปะมากกว่าทางเอเชียหรือแอฟริกา ทางเอเชีย การประดิษฐ์ไม่ค่อยเป็นที่ใส่ใจเท่าไหร่ บ้านยังเป็นแบบเก่าที่ทำจากไม้ ผู้คนจะนิยมค้าขายอาหารกิจกรรมทางศาสนามากกว่า เช่นเดียวกับแอฟริกาที่การประดิษฐ์ไม่ค่อยเจริญเทียบเท่าแถบยุโรป
ยุครุ่งเรือง(ช่วงกลาง 500-1350)นักประดิษฐ์ทางยุโรปเริ่มรู้จักการใช้ไฟฟ้า อาชิพนักวิทยาศาสตร์ เจริญมาก ทำให้การประดิษฐ์ก้าวหน้าไปด้วย มีการค้นพบคุณสมบัติของไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ทำให้มีการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆมากมาย เช่นการค้นพบคลื่นวิทยุ มอเตอร์ สนามพลัง ทำให้มีการสร้างรถยนต์ หลอดไฟ วิทยุ โทรทัศน์ และสิ่งของลิเล็กทรอนิกส์อีกมากมาย เมื่อเทียบกับทางแถบแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งทางเอเชียได้รับอิทธิพลจากทางแถบยุโรป ทำให้เจริญตามด้วย แต่ไม่มีเรื่องของการประดิษฐ์ แต่จะเป็นผู้บริโภค ทางแถบอเมริกา เริ่มมีคนย้ายเข้าไปอยู่ในเขตของชนชาวพื้นเมือง และคนนั้นมาจากทางแถบยุโรป ซึ่งนำประดิษฐ์ต่างๆมากด้วย ส่วนออสเตรีย และ แอฟริกา เป็นประเทศที่การประดิษฐ์ไม่ค่อยมีคนสนใจ
ยุคปัจจุบัน (1350-ปัจจุบัน) มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้ชิฟ มีการสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ จรวด เรือดำน้ำ อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ มีการใช้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ และกระจายไปทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงและเท่ากันทั่วประเทศ โดยเฉพาะ


มหาอำนาจอย่างอเมริกา ที่มีนักประดิษฐ์มากกว่าและมีความพร้อม ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลทำให้เกิดความก้าวหน้าเร็วขึ้น แล้วเปลี่ยนการทำงานเป็นการทำงานแบบองค์กร หรือทีมนั่นเอง
สิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นผู้สร้างผู้พัฒนาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแบบผลงานด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในแต่ละบุคคลมีวัตถุประสงค์ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อตอบสนอง ความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอยสิ่งประดิษฐ์มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณเกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนาซึ่งมนุษย์เรานั้นก็คงมีการประดิษฐ์มาอย่างช้านานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าการประดิษฐ์นั้นก็อาจมาจาก สมัยดึกดำบรรพ์แล้วก็เป็นได้เพราะว่ามนุษย์ยุคหินในสมัยนั้นก็มีการประดิษฐ์อาวุธจากก้อนหินบ้างก็ว่านำมาเหลาให้แหลม บ้างก็ว่านำมาทำให้ร้อนแล้วจี้สัตย์ ต่างๆนา จึงบอกได้ว่าคนเราก็มีการประดิษฐ์มาตั้งแต่โบราณกาลแล้วเป็นต้นมาสิ่งประดิษฐ์จึงมาวิวัฒนาการมาอย่างเรื่องๆสืบทอดต่อมาเรื่อยๆ ดังที่เราศึกษาเราก็พบเจอว่ามนุษย์ยุคต่อมาคือมนุษย์ยุคสำริดก็มีการประดิษฐ์เหล็กมาทำเป็นอาวุธ โดยอาวุธนั้นคือสิ่งที่มีความแหลมคมมาก และเหมาะสมกับการล่าสัตว์ในยุคสมัยนั้นจนปัจจุบันอาวุธชิ้นนั้นมันก็คือ มีด หรือ ดาบ ที่เกิดในสมัยของยุคสำริดนั้นเองนอกจากการวิวัฒนาการข้างต้นแล้วนั้นยังมีการ วิวัฒนาการเป็นสิ่งต่าง รอบๆตัวเราไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และอื่นๆอีกมากมายก็ต่างล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ต่างก็เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นผู้ผลิต คิดค้นและวิจัยเองทั้งนั้น
และต่อมาเมื่อ นักวิชาการค้นพบว่าการประดิษฐ์นั้นเป็นพื้นฐานของการสร้างสิ่งของต่างๆนานา จึงได้มีการประชุม ร่วมทำการวิจัยและขอยื่นคำเสนอว่า ของบรรจุการประดิษฐ์เป็นวิชาพื้นฐานของการศึกษา ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พวกเราก็มีวิชา งานประดิษฐ์เรียนกันอย่างสนุกสนาน เพราะเป็นวิชาที่สนุกสนาน คลายความเครียด ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน เกิดความคิดสร้างสรรค์มากมาย และทำให้ในปัจจุบันเกิดสิ่งประดิษฐ์มาใช้กันอย่างมากล้น นอกจากนั้นแล้วการประดิษฐ์ยังมีประโยชน์อีกหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มรายได้ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และอื่นอีกมากมายด้านการเพิ่มรายได้ ของการทำสิ่งประดิษฐ์นั้นก็ ต่างมีความแตกต่างกันไป เช่น การทำเสื้อผ้า การทำกระเป๋า การทำโคมไฟ และอื่นๆเป็นต้น และที่สำคัญแล้วคือสินค้าประเภท Hand make เพราะตอนนี้เป็นที่นิยมของการตลาด เพราะว่าเป็นสินค้าที่มีความละเอียดอ่อน มีความละมุนละไม มีความสวยงาม และที่สำคัญคือความแปลกใหม่และไม่ซ้ำใคร ตัวอย่างของสินค้า Hand make เช่น ผ้าทอ กระทง กระเป๋าถักทอ เป็นต้น การประดิษฐ์ที่บางอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องใช้
แค่การ ถัก ทอ เพราะยังมีการประดิษฐ์อีก 1 ชนิดที่ไม่ต้อง ถัก ทอ คือ การประดิษฐ์โปรแกรม ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ ที่ตอนนี้มีความนิยมกันอย่างแพร่หลายทำให้ ธุรกิจของการผลิต Software มีความเจริญเติบโตมากและเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีการสร้างรายได้อย่างไม่จำกัด ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือประวัติและการวิวัฒนาการของสิ่งประดิษฐ์ที่ต่างก็มีความสำคัญต่างๆแตกต่างกันไป ก็อย่างที่เคยกล่าวข้างต้นว่า “จึงทำให้ในปัจจุบันเกิดสิ่งประดิษฐ์มาใช้กันอย่างมากล้น” จึงอยากให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคที่ใช้ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆตระหนักถึงสภาวะของสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ที่มีการทิ้งขยะมูลฝอยมากมาย หรือเป็นการผลิตสิ่งของโดยใช้วัตถุดิบที่อาจเกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ตอนนี้โลกของเราก็ได้เกิด สภาวะโลกร้อนจึงอยากใคร่ครวญ ผู้ผลิตรายยักษ์ใหญ่ ให่มีความตระหนักถึงสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดผลเสีย และใคร่ครวญต่อผู้บริโภค รวมถึงผู้ผลิต ให้มีความตระหนักอีกครั้งในด้านของการนำกลับมาใช้ใหม่ คือ การรีไซย์เคิล ซึ่งเป็นผลดี ในทุกๆด้าน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างบนโลกนี้จะเกิดแต่ผลดี หากทุกๆคน มีคุณธรรมในด้านของความพอเพียง

ความหมายของสิ่งประดิษฐ์
สิ่งประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบโครงสร้างหรือกลไกของผลิตภัณฑ์รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิตการรักษา หรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น กลไกของกล้องถ่ายรูป,กลไกของเครื่องยนต์,ยารักษาโรค เป็นต้น หรือการคิดค้นกรรมวิธีในการผลิตสิ่งของเช่น วิธีการในการผลิตสินค้า, วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้เน่าเสียเร็วเกินไป เป็นต้น
สิ่งประดิษฐ์ หรือ นวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความฉลาดหรือบังเอิญ แล้วผู้ที่ประดิษฐ์สิ่งของ เรามักจะเรียกว่านักประดิษฐ์ (inventor) สิ่งประดิษฐ์คือสิ่งของต่างๆที่เกิดจากความต้องการของมนุษย์เพื่อใช้ในการแสวงหาประโยชน์ หรือ อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ

ความสำคัญของสิ่งประดิษฐ์
สิ่งประดิษฐ์คืองานที่ไม่ได้ใช้เครื่องจักรในการสร้างชิ้นงาน แต่ใช้สมองกับ 2 มือและเป็นผลงานที่ต้องใช้ความอดทน ความรักในงาน ความคิดที่สร้างสรรค์ จินตนาการ ความละเอียดและที่สำคัญ คือความมีคุณค่าทางจิตใจของผู้สร้างงานประโยชน์คือเป็นงานที่จะมีคุณค่าสำหรับการอนุรักษ์ไว้ในภายหน้า และสามารถคิดต่อยอดจากการประดิษฐ์นั้นๆไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด งาน
ประดิษฐ์บางชิ้นสามรถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและประเทศชาติได้ และประโยชน์อันมาจากการนำวัสดุเหลือใช้หรือที่ใครคิดไม่ถึงสามารถมาทำประโยชน์ได้อย่างมีคุณค่า สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว

ลักษณะของสิ่งประดิษฐ์
ลักษณะของสิ่งประดิษฐ์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. สิ่งประดิษฐ์ทั่วไป
เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีความเป็นมาจากบรรพบุรุษหรือท้องถิ่น กล่าวคือ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่บุคคลทั่วไปสามารถเรียนรู้และนำไปประดิษฐ์ได้โดยอาศัยการศึกษาจากตำรา เช่น ดอกไม้จากวัสดุเหลือใช้ หมวก ตุ๊กตา เครื่องเล่นต่าง ๆ และกรอบรูป เป็นต้น
2. สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหรือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีเฉพาะในท้องถิ่นนั้น ๆ โดยส่วนมากจะเป็นการสืบทอดจากผู้ใหญ่ในครอบครัวมาสู่ลูกหลาน สิ่งประดิษฐ์หลายอย่างทำขึ้นเพื่องานประเพณีทางศาสนา เช่น พานพุ่ม มาลัย เครื่องแขวน บายศรี และบางอย่างก็ทำขึ้นเพื่อความสวยงาม สนุกสนาน ภายในครอบครัว เช่น ว่าวไทย รถลาก ตุ๊กตา เป็นต้น

องค์ประกอบของสิ่งประดิษฐ์
องค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ มีดังนี้
1. เส้น เป็นสิ่งที่เกิดจากการเชื่อมต่อจุดให้เคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการจึงก่อให้เกิดรูปร่าง รูปทรง สัดส่วน พื้นที่ บริเวณและความรู้สึกที่แตกต่างกันดังนี้ในการออกแบบควรนึงถึงลักษณะเส้น
2. รูปร่าง เป็นส่วนที่แสดงถึงเส้นรอบนอกของรูปแบบชิ้นงานซึ่งเป็นลักษณะ2มิติ ซึ่งสื่อความหมายถึงความกว้างและความยาวไม่มีความหนาเกิดจากเส้นรอบนอกที่แสดงพื้นที่ขอบเขตของรูปต่างๆ เช่น รูปสี่เหลี่ยมรูปวงกลมหรือรูปอิสระที่แสดงเนื้อที่ของผิวมากกว่าแสดงปริมาตรหรือมวล
3. รูปทรง คือ ลักษณะของวัตถุที่มองเห็นเป็นรูป 3มิตินอกจากแสดงความกว้างความยาวแล้วยังมีความหนาลึกและความหนานูน เช่น ทรงกลม ทรงสามเหลี่ยมทรงกระบอก เป็นต้น
4. ขนาดและสัดส่วนของชิ้นงานเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเพราะขนาดของชิ้นงานที่ส่งผลถึงประโยชน์และการนำไปใช้งาน เช่น การออกแบบดอกไม้ประดิษฐ์เพื่อนำไปประดับมุมห้องถ้ามีขนาดเล็กเกินไปก็จะไม่เหมาะสม
5. สี หมายถึง ลักษณะที่ปรากฏแก่สายตาให้เห็นสีต่างกันสีเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกเมื่อมองเห็น เช่น ตื่นเต้น หนาวเย็น หรืออออบอุ่น นุ่นนวล หรือแข็งกระด้างดังนั้นจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่อของอิทธิพลของสีแต่ละสีและนำไปใช้ให้เหมาะสม
6. ลักษณะผิวของวัตถุ คือ คุณลักษณะภายนอกของวัตถุที่มีลักษณะแตกต่างกันตามลักษณะและชนิดของวัตถุ เช่น เรียบ มัน ขรุขระ หยาบ เป็นต้น และลักษณะพื้นผิวที่ปรากฏแก่สายตาจะมีผลต่อประสาทและความรู้สึกของผู้มอง

ประโยชน์ของสิ่งประดิษฐ์
1.ฝึกให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างผลงานให้มีรูปร่างแปลกใหม่และพัฒนางาน
ประดิษฐ์เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น
2.สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้วัสดุต่างๆ ที่นำมาประกอบกันเป็นชิ้นงานสามารถที่จะใช้วัสดุอื่น
ทดแทนกันได้ และสามารถนำวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
3.ฝึกให้รู้จักการวางแผนทำงานอย่างเป็นระบบเป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นการสร้างระเบียบ
วินัยให้ตนเองและมีนิสัยรักในสิ่งประดิษฐ์
4.ให้นักเรียนรู้จักใช้และดูแลรักษาเครื่องมือในสิ่งประดิษฐ์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
กับประเภทของสิ่งประดิษฐ์
5.ฝึกให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและมีความสุขในการ
สร้างสรรค์ชิ้นงานประดิษฐ์ของตนเอง
6.ฝึกให้นักเรียนรู้จักการประหยัดสามารถนำสิ่งของที่เหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์มาก
ที่สุดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนมากนัก
7.เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้มีการสืบทอดและพัฒนาต่อไป จากภูมิ
ปัญญาเดิมสู่การเรียนรู้ที่เป็นองค์รวมและเป็นผลงานของคนไทย
8.สามารถเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประดิษฐ์โดยการนำออกไปจำหน่ายในโอกาสต่างๆและสร้าง
เป็นอาชีพได้ในอนาคต
9.เกิดความภาคภูมิใจในชิ้นงานของตนเองทำให้บุคคลยอมรับในความสามารถของตนเอง
ในระดับหนึ่งสะดวกสบายต่างๆ

หลักการออกแบบของสิ่งประดิษฐ์
การประดิษฐ์ชิ้นงานจำเป็นต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ชิ้นงานเพื่อการใช้ประโยชน์ทางด้านร่างกายและด้านจิตใจคือประโยชน์ในการใช้สอยและความสวยงามด้านศิลปวัฒนธรรม แบบของงานประดิษฐ์เกิดจากการเลียนแบบธรรมชาติจินตนาการและความสะดวกในการใช้งานและมีการดัดแปลงรูปแบบให้เหมาะสมกับสมัยนิยม

ความหมายของการออกแบบ
การออกแบบ หมายถึง การใช้ความคิดสร้างสรรค์ชิ้นงานให้สมบูรณ์และความสามารถนำความคิดขึ้นมาปฏิบัติเป็นชิ้นงานได้เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ทั้งด้านการใช้สอยและด้านศิลปะความสวยงามหรือจิตใจ
การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผนจัดตั้งขั้นตอน และรู้จักเลือกใช้วัสดุวิธีการเพื่อทำตามที่ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบและคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิดตามความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา เช่น เราจะทำเก้าอี้นั่งซักตัวจะต้องวางแผนไว้เป็นขั้นตอนโดยต้องเริ่มเลือกวัสดุที่จะใช้ทำเก้าอี้นั้นจะใช้วัสดุอะไรที่เหมาะสม วิธีการต่อยึดนั้นควรใช้กาว ตะปูนอต หรือใช้ข้อต่อแบบใด คำนวณสัดส่วนการใช้งานให้เหมาะสม ความแข็งแรงของเก้าอี้นั่งมากน้อยเพียงใด สีสันควรใช้สีอะไรจึงจะสวยงาม และทนทานกับการใช้งาน เป็นต้น

บทที่ 1

บทนำ


ความเป็นมาและความสำคัญของโครงงาน


      ปัญหาขยะนับเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่เราต้องเผชิญในยุคปัจจุบัน ในแต่ละวันมี ของเหลือทิ้งเหลือใช้ที่เกิดจากการอุปโภคบริโภคเป็นจำนวนมากจนดูประหนึ่งว่าสักวันอาจจะเกิดการขยะล้นโลกก็เป็นได้ในแต่ละประเทศมีขั้นตอนในการกำจัดขยะที่แตกต่างกันบ้างฝังกลบบ้างเผากำจัดซึ่งแต่ละวิธีก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันได้แทบทั้งสิ้นยิ่งในขยะที่มีสารพิษปลอมปนอยู่อาจจะถึงขั้นไปเช่าพื้นที่ในประเทศด้อยพัฒนาเพื่อฝังกลบขยะกันเลยทีเดียวขยะบางประเภทก็สร้างปัญหาให้มวลมนุษย์และโลกในระยะยาวเพราะไม่สามารถย่อยสลายลงได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วแต่ต้องใช้เวลานานนับร้อยนับพันปีเพื่อการย่อยสลายเช่นพวกพลาสติกต่างๆเป็นต้นจนกระทั่งแนวคิดเกี่ยวกับการรีไซเคิลและหรือรียูส ได้เกิดขึ้นซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นทางออกในการลดขยะหรือสิ่งเหลือใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้จะไม่ลดไปถึงขั้นที่ทำให้การกำจัดขยะเป็นไปได้อย่างมีเด็ดขาดแต่แนวคิดนี้ก็ช่วยส่งเสริมให้เกิดขยะใหม่ลดจำนวนลงได้มากทีเดียวกระแสการใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าเกี่ยวกับการรีไซเคิล-รียูสตื่นตัวอย่างเต็มที่พร้อม ๆ กับเรื่องราวของความน่าสะพรึงกลัวของสภาวะโลกร้อน ซึ่งต้นตอปัญหามาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรานั้นเองดังนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกสำหรับทางออกของสภาวะโลกร้อนที่เหตุประการแรกคือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรของตัวเราเองหลายสิ่งหลายอย่างที่เรากินใช้อยู่ในชีวิตประจำวันเราสามารถใช้ให้มีคุณค่ามากกว่าพฤติกรรมเดิม ๆ ทั้งขวดน้ำพลาสติกกล่องนมบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ สามารถนำมารีไซเคิลได้แทบทั้งสิ้นรีไซเคิล เป็นการนำเศษวัสดุของเหลือกินเหลือใช้มาแปรรูปใหม่เพื่อนำกลับมาใช้งานอีก ครั้งเป็นการจัดการวัสดุเหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะโดยนำไปผ่านกระบวนการแปรสภาพและนำกลับมาใช้ใหม่ส่วนนิยามของคำว่ารียูส นั้นหมายถึงการนำกลับมาใช้ใหม่โดยไม่ผ่านกระบวนการแปรสภาพใดๆทั้งสิ้น
         การรีไซเคิล-รียูสถือเป็นการกระตุ้นจิตสำนักในการใช้ทรัพยากรและรักษา สิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันในธรรมชาติโดยถ้อยทีถ้อยอาศัยและเราในฐานะของปัจเจกชนผู้เป็นส่วนย่อยที่สุดในสังคมถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มที่สำคัญของกระบวนการเริ่มกันเสียตั้งแต่วันนี้แล้วจะรู้ว่ามนุษย์เราสามารถทำได้มากกว่าการใช้ แล้วทิ้ง
          การรีไซเคิลทำให้โลกมีจำนวนขยะลดน้อยลงและช่วยลดปริมาณการนทรัพยากรธรรมชาติ มาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรมให้น้อยลงลดการถลุงแร่บริสุทธิ์และลดปริมาณการโค่นทำลายป่าไม้ลงด้วยการหมุนเวียนนำมาผลิตใหม่ยังเป็นการลดการใช้พลังงานจากใต้ภพลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่อากาศและลดภาวการณ์เกิดฝนกรดสำหรับ ประเทศไทยนั้น จากการศึกษาของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม พบว่า ศักยภาพของวัสดุเหลือใช้ที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้จากมูลฝอยที่เก็บขน ได้ใกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศมีประมาณร้อยละ 16-34 ของปริมาณมูลฝอยที่เก็บได้ แต่มีเพียงร้อยละ 7 หรือประมาณ 2,360 ตันต่อวันเท่านั้น ที่มีการนำกลับมาใช้ประโยชน์ การนำกลับมาใช้ใหม่ จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับชีวิตเพิ่มคุณค่าให้ กับ สิ่งแวดล้อม และช่วยถนอมรักษาทรัพยากรธรรมชาติของโลกไว้ได้ดีที่สุด ในหนทางหนึ่ง

วัตถุประสงค์ของโครงงาน

1. เพื่อนำเศษวัสดุเหลือใช้นำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์
2. เพื่อสร้างทัศนะคติที่ดีให้ผู้ทิ้งขยะลงถัง
3. เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน

เป้าหมายของโครงงาน


เชิงปริมาณ
ถังขยะรีไซเคิลอัจฉริยะ พร้อมกับรายงานแสดงผลการทำงาน จำนวน 1 ชุด

เชิงคุณภาพ

1. ได้นำเศษวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์
2. ผู้ใช้มีทัศนะคติที่ดีในการทิ้งขยะ
3. ผู้ใช้มีความสะดวกสบายเนื่องจากเป็นระบบอัตโนมัติที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้

ขอบเขตของเนื้อหา

1. ความเป็นมาของการรีไซเคิลขยะ
2. ความหมายและความเข้าใจในการรีไซเคิลขยะ
3. ประเภทของขยะรีไซเคิล
4. ประโยชน์ของการรีไซเคิลขยะ
5. กระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์
6. การนำขยะรีไซเคิลไปใช้ใหม่
7. ลักษณ์สำคัญของการรีไซเคิลขยะ
8. ข้อดี-ข้อเสียของการรีไซเคิลขยะ
9. การนำเสนอเนื้อหาบทเรียน
10. รูปแบบของการรีไซเคิลขยะ

นิยามศัพท์เฉพาะ
ถังขยะหมายถึง สิ่งของที่อยู่ในรูปของแข็งซึ่งอาจมีความชื้นปะปนมาด้วยจำนวนหนึ่ง

    รีไซเคิล หมายถึง การจัดการวัสดุเหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะ โดยนำไปผ่านกระบวนการแปรสภาพ โดยเฉพาะ การหลอม เพื่อให้เป็นวัสดุใหม่แล้วนำกลับมาใช้ได้อีก ซึ่งวัสดุนั้นอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์เดิมหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ได้
    อัจฉริยะ หมายถึง คนที่มีอารมณ์ขันเหลือเฟือและมีความสนุกสนานกับชีวิต ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องใดๆ ที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางชีวิตให้เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมได้

ประโยชน์ที่ได้รับ
1. ได้นำเศษวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์
2. ผู้ใช้มีทัศนะคติที่ดีในการทิ้งขยะ
3. ผู้ใช้มีความสะดวกสบายเนื่องจากเป็นระบบอัตโนมัติที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน